ความเชื่อเกี่ยวกับบ้านในวิถีตะวันออก

architecture-window-glass-building-material-stained-glass-1231010-pxhere.com

ไม่ว่าโลกจะมีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกลแค่ไหน เรื่องราวความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ทั้งในศาสนาและนอกศาสนา ก็ยังคงสนิทแนบแน่นกับอารยธรรมของมนุษย์มาโดยตลอด สำหรับความเชื่อในโลกตะวันออก เนื่องจากรากฐานความเชื่อทั้งหลายล้วนเกี่ยวเนื่องกับศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งแต่ละศาสนาก็มีผู้นับถือกระจายกันออกไปในหลายประเทศ เมื่อพูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับบ้านในโลกตะวันออก เราจึงขอหยิบยกแง่มุมเด่นๆ ที่เกี่ยวกับศาสนามากล่าวถึงเป็นหลัก โดยศาสนาที่มีต้นกำเนิดและยังมีอิทธิพลทางความคิดยาวนานจนเป็นรากของวัฒนธรรมในดินแดนแถบนี้ก็คือ ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม สำหรับศาสนาคริสต์นั้น แม้จะมีผู้นับถือมากและเกิดในเอเชียแต่โดยรวมแล้ว ถือว่ามีอิทธิพลทางวัฒนธรรมในโลกตะวันตกมากกว่า

SONY DSC

ความเชื่อเกี่ยวกับบ้านในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 

แม้ว่าจะมีแหล่งกำเนิดในประเทศอินเดีย แต่มีที่มาจริงๆจากย่านเมโสโปเตเมีย เพราะเป็นศาสนาแนวเทวนิยมดั้งเดิมของชนเผ่าอารยันที่อพยพจากแถบนั้นมาปกครองอินเดีย มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าหลายองค์ตามหลักคำสอนในคำภีร์พระเวท โดยเฉพาะ ตรีมูรติ (พระพรหม-พระวิษณุ-พระศิวะ) ต่อมาวิวัฒนาการเป็นศาสนาฮินดู เทพเจ้าที่นับถือกันมีมากมายหลายองค์ และวิถีความศรัทธาในเทพเจ้าแต่ละองค์สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์กับความเคารพในธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เพราะสรรพสิ่งในธรรมชาติตามความเชื่อของฮินดูไม่เพียงเกิดขึ้นจากเทพเจ้า แต่ยังมีเทพเจ้าแห่งสิ่งต่างๆในธรรมชาตินั้นสิงสถิตย์และปกครองดูแลอยู่ จึงมีการตั้งศาลบูชาสิ่งต่างๆปรากฎให้เห็นทั่วไปในอินเดียและประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อนี้ ทั้งในบริเวณที่อยู่อาศัยและในที่สาธารณะ ที่เห็นได้ชัดในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยคือ การตั้งศาลพระภูมิ ที่มาจากพื้นฐานความเชื่อว่า พระอิศวร หรือพระศิวะ ทรงมีวิมาน ประทับบนยอดเขาพระสุเมรุ เปรียบประดุจมณฑลจักรวาล พระภูมิถือเป็นเทวดาขั้นหนึ่งเหมือนกัน วิมานของศาลพระภูมิ จึงต้องมีเสาเดียว เปรียบประดุจเขาพระสุเมรุมาศวิมานของพระอิศวร การประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับสิ่งนี้ จึงต้องมีการกระทำอย่างถูกต้องเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย

36744269_10216660438566245_2848282415032434688_o

 

การบวงสรวงเซ่นสังเวยการตั้งศาลพระภูมิ ถือเป็นวัฒนธรรมพิธีกรรมแบบโบราณที่จะกระทำเมื่อปลูกบ้านใหม่ หรือย้ายที่อยู่เพราะเชื่อว่าขั้นตอนการตั้งศาลจะเป็นการขับไล่สิ่งอัปมงคลทั้งหลายให้ออกไปจากบ้าน แล้วจึงอัญเชิญพระภูมิมาสถิติที่ศาลพระภูมิเพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้าบ้าน และบริวารให้อยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง เพราะถือว่าพระภูมิเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งของบ้าน ซึ่งตามหลักแล้วต้องอัญเชิญพราหมณ์ มาเป็นผู้ประกอบพิธี โดยเริ่มจากการตรวจ ดูฤกษ์ยาม เจ้าพิธีจะนำ วัน/เดือน/ปีเกิดของเจ้าของบ้านมาดูประกอบ เพื่อให้ครอบครัวอยู่ดีมีสุข เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

tree-plant-photography-leaf-statue-peace-641372-pxhere.com

ความเชื่อเกี่ยวกับบ้านในศาสนาพุทธ

ผู้ที่ศึกษาศาสนาพุทธอย่างจริงจังย่อมรู้ดีว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม หลักการที่เป็นหัวใจสำคัญของศาสนาพุทธอย่างแท้จริง คือการหลุดพ้นจากสิ่งงมงายและการสมมติทั้งปวง เป็นศาสนาที่สอนให้คนเชื่อว่า ทุกสิ่งเป็นผลจากการกระทำ ตามกฎแห่งกรรม มิใช่เกิดจากโชคชะตา จากการดลบนดาลของเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภูติผีปีศาจหรืออำนาจที่มองไม่เห็น เป็นศาสนาที่มีแก่นแท้อยู่ที่ความสงบเรียบง่าย ปล่อยวางจากกิเลสตัณหาและมายาคติ การปรุงแต่งทั้งหลายล้วนเป็นภาพลวงตา เรื่อยไปจนถึงการไม่เชื่อถือในรูปเคารพและพิธีกรรม

sea-water-architecture-golden-color-peace-1026014-pxhere.com

อย่างไรก็ดี การสร้างรูปเคารพต่างๆเพื่อกราบไหว้บูชา โดยเฉพาะพระพุทธรูป ก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในวัฒนธรรมของชาวพุทธ ซึ่งแม้จะขัดแย้งกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มิให้ยึดติดในวัตถุสิ่งของใดๆ แต่พระพุทธรูปก็เป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยเตือนใจพุทธศาสนิกชนให้ระลึกถึงธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน และการทำความดีละเว้นความชั่ว บ้านของชาวพุทธจึงมีความเชื่อเกี่ยวกับตำแหน่งของการวางพระพุทธรูปหรือมีห้องพระไว้ในทิศที่เป็นมงคล สำหรับคนไทยเราจะวางพระพุทธรูปทิศหันหน้าไปทางตะวันออก หรือทิศเหนือ นอกจากนี้ยังถือว่าพระพุทธรูปเป็นของสูง จึงต้องวางในจุดที่สูง หากมีการเดินข้าม นอนคร่อม หรือหันปลายเท้าเข้าหาพระ ย่อมไม่เป็นมงคล

person-floor-red-color-sitting-religion-679578-pxhere.com

ความเชื่อเกี่ยวกับบ้านในศาสนาอิสลาม

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์คงทราบว่า ศาสนาอิสลามซึ่งเกิดขึ้นในดินแดนอาหรับ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอารเบีย เมื่อค.ศ. 632 หรือ พ.ศ. 1175 เป็นเสมือนจุดเปลี่ยนหรือการปฏิรูปสังคมอาหรับในช่วงเวลานั้นซึ่งอยู่ในสภาวะเสื่อมโทรม ให้ไปสู่ยุคสมัยแห่งความดีงามด้วยคุณธรรมและจริยธรรมภายใต้แนวคิดใหม่จากหลักคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัด ที่ได้รับโองการของพระเจ้า (พระอัลลอฮ์) มาประทานแก่ท่านโดยเทวทูตญิบรออีล โดยแนวคิดหลักที่เป็นสาระสำคัญในคำสอนของศาสนาอิสลามคือ สันติภาพของมวลมนุษยชาติอันเกิดจากภราดรภาพ ศาสนาอิสลามเชื่อว่า พระอัลลอฮ์ เป็นพระเจ้าสูงสุดองค์เดียวที่ควรนับถือ ในสังคมมุสลิมไม่มีการแบ่งแยกตำแหน่งชนชั้น ไม่มีนักบวช ไม่มีการนับถือรูปเคารพ มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนเท่าเทียม เป็นพี่น้องที่ควรรักใคร่เกื้อกูลกัน การเสียสละความสุขหรือทรัพย์ของตนเพื่อแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่นเป็นหนึ่งในหลักปฏิบัติสำคัญของศาสนาอิสลาม และด้วยความที่ศาสนาอิสลามสอนให้สร้างความดีด้วยการปฏิบัติความดีมากกว่าการยึดถือพิธีกรรมหรือรูปเคารพ อิสลามไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตาหรือการบูชาสิ่งมงคลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือบุคคลที่จะสร้างสิริมงคลให้ชีวิตได้ เพราะสิริมงคลจะมาจากพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่อเรื่องผี แต่หากพูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับวิถีชีวิตหรือในบ้านของชาวมุสลิม ก็มีสิ่งลี้ลับที่ใกล้เคียงกับผีหรือวิญญาณ เสมือนพลังงานชีวิตที่มองไม่เห็น เรียกว่า ญิน (Jinn) ที่วนเวียนอยู่รอบตัวเราในอีกมิติหนึ่งและอาจให้คุณให้โทษกับชีวิตได้ถ้าปฏิบัติไม่ถูกไม่ควรกับจริตของ ณิน ตนนั้น ดังนั้นในบ้านของชาวมุสลิมที่อาจไม่มีการจัดวางรูปเคารพของพระเป็นเจ้าก็อาจมีการจัดการบางอย่างเพื่อให้ปลอดภัยจากการคุกคามของ ญิน ที่มีอยู่ในสถานที่นั้น หรือ ญิน ที่อาจเกาะติดเสมือนเป็นภูติหรือเทพประจำตัวของใครบางคน แล้วแต่ความเชื่อว่า ญิน แต่ละตนจะมีพฤติกรรมหรือความต้องการอย่างไร

architecture-building-palace-column-cathedral-place-of-worship-1015497-pxhere.com

การบอกเล่าเรื่องราวแนวคิดที่แตกต่างกันของแต่ละแหล่งความเชื่อนี้ อาจเป็นเหมือนการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนสำหรับผู้รู้ของแต่ละศาสนา แต่ถือว่าจำเป็นสำหรับการเปิดโลกทัศน์ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ที่จะนำไปสู่การรู้จักให้เกียรติและเคารพระหว่างผู้คนต่างวัฒนธรรม ซึ่งแม้แนวคิดของแต่ละศาสนาและความเชื่อจะแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ทุกศาสนาล้วนมีเป้าหมายเพื่อสอนให้คนเป็นคนดี และความเชื่อเกี่ยวกับบ้านในทุกศาสนา ส่วนใหญ่ก็มักเป็นกุศโลบายให้สมาชิกทุกคนในบ้าน ประพฤติตนอยู่บนพื้นฐานของความดีงาม มีความรักใคร่ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน เพื่อเป้าหมายรวมที่เหมือนกันของทุกศาสนาก็คือการอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติภาพนั่นเอง

 

อ้างอิง

https://www.m-culture.go.th/young/ewt_news.php?nid=340&filename=index

https://thematter.co/thinkers/jinn-in-yala-pattani-narathiwat/25899

http://www.sunnahstudent.com

https://www.islamreligion.com/articles/317/viewall/brief-history-of-islam/

 

LivingDD Editor

เว็บไซต์ LivingDD.com เป็นสื่อในเครือ HI-CLASS Media Group นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบ้าน สวน ไลฟ์สไตล์ การตกแต่ง การออกแบบ มีเป้าหมายเป็นกลุ่มคนรักบ้าน นักออกแบบ ช่างฝีมือสาขาต่างๆ ที่มีความสนใจและติดตามหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ ตกแต่ง ปรับปรุงบ้าน จัดสวน ไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ้าน ข่าวสารและบทสัมภาษณ์บุคคลในแวดวงการออกแบบ - Editor@HiclassSociety.com

You may also like...