หากพูดถึงน้องเม่น หลายท่านอาจจะต้องร้องยี้แน่ๆ เพราะหนามแหลมคมที่อาจสร้างอันตรายให้กับเรา แต่เม่นที่เราจะนำมาเสนอในฉบับนี้ รับรองว่าไม่มีพิษมีภัยแน่นอน นั่นก็คือ “เม่นแคระ” สัตว์เลี้ยงยอดนิยมอีกหนึ่งชนิด ที่คนไทยแอบหลงรักกับความน่ารักน่าชังของมันนี่แหละ
สำหรับเม่นแคระ มีแหล่งที่มาอยู่สองที่คือ ยุโรป (Brown European hedgehog) และ แอฟริกา (African Pygmy hedgehog) แต่ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา จะเป็นเม่นจากแอฟริกาเสียมากกว่า โดยลักษณะหน้าตาของมันจะคล้ายกับตัวแรคคูน ชอบทำจมูกกระดุกกระดิก ลำตัวมีหนามแหลม และมีสีแตกต่างกันไป อีกทั้งเสน่ห์เฉพาะตัวของมันที่ทำให้ผู้คนหลงใหล คือการขดตัวเป็นม้วนกลม เพื่อป้องกันตัวจากศัตรูนั่นเอง
โดยธรรมชาติ เม่นแคระเป็นสัตว์ที่นอนในตอนกลางวัน และหากินในเวลากลางคืน แต่สาเหตุที่คนไทยนิยมเลี้ยงนั้น เพราะมันเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี โดยผู้เลี้ยงสามารถจับอุ้มเล่น หรือมีกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ หากเลี้ยงตั้งแต่ตอนมันเด็กๆ เม่นแคระจะติดเรา และไม่แสดงอาการหวาดระแวงต่อผู้คน
ในส่วนของที่อยู่อาศัยและการกินของเม่นแคระ ถือว่าง่ายทีเดียว ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงในเมืองไทย นิยมใช้กล่องพลาสติกขุ่น โดยนำบ้านหรือโพรงไว้ให้เม่นได้นอนกลางวันถ้วยสำหรับใส่อาหารขวดน้ำขี้เลื่อยสำหรับรองพื้น เพื่อช่วยดูดซับของเสียจากการขับถ่ายของเม่นแคระ (แนะนำให้ใช้เป็นแบบก้อนอัดแท่ง เพราะสะอาดและประหยัด)วิตามินผสมน้ำเพื่อช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่ขาดหายไป โดยส่วนใหญ่แล้ว ควรจัดพื้นที่ประมาณ 4 ตร.ฟุต ต่อตัว แต่ถ้าเลี้ยงหลายตัวอาจเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม และกล่องที่เลี้ยงควรจะมีความสูง เพราะเม่นแคระเป็นสัตว์ที่ชอบปีนป่าย
ทั้งนี้ อาจจะใส่ของเล่น เพื่อช่วยลดความเครียดของเม่นแคระ เช่น ขอนไม้ ลูกบอล และอาจจะหาถาดน้ำใส่ไว้ก็ได้ เพราะเม่นเป็นสัตว์ที่ชอบเล่นน้ำ โดยบางตัวชอบที่จะให้เจ้าของอาบน้ำให้บ่อยๆ
ส่วนเรื่องอาหาร เม่นแคระจัดเป็นสัตว์ในตระกูล Insectivore คือ กินแมลงเป็นอาหาร แต่สำหรับคนไทย มักจะให้อาหารแมว โดยสามารถให้ได้ทุกวัน และอาจจะเสริมผักหรือผลไม้ เพื่อให้เม่นแคระได้รับวิตามินและแคลเซียมเสริม แต่ก็สามารถให้แมลง หรือหนอนนกกับเม่นแคระได้เช่นกัน ประมาณสามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์ หลักในการให้อาหาร ควรให้ในช่วงเย็นหรือกลางคืนมากกว่าช่วงเช้า
ผู้เขียน: โน๊ต
ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสาร Supalai@Home
